I'm Jogging
I'm Jogging
2018 I'm Jogging
จำนวน 3 เพลง
พักผ่อน
I'm Jogging
เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
I'm Jogging
ไม่พร้อมจะเสียใจ
I'm Jogging
2016 I'm Jogging
จำนวน 10 เพลง
ปล่อยใจ
I'm Jogging
โถ...ชีวิตนักดนตรี
I'm Jogging
สิ่งดีๆที่หายไป
I'm Jogging
ถามทะเล
I'm Jogging
คำคน
I'm Jogging
เด็กน้อยนักเดินทาง
I'm Jogging
เผชิญ
I'm Jogging
เราต่างเสียใจ
I'm Jogging
บูเดอช่า
I'm Jogging
ฉันหลงรักความโดดเดี่ยว
I'm Jogging
อิสระ (Independent Artist)
กรุงเทพมหานคร
ประวัติศิลปิน
I'm Jogging คือวงดนตรีอิสระ ที่รวมตัวกันสร้างสรรค์งานเพลง โดยการโปรดิวฯกันเอง แต่งเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียง บันทึกเสียง รวมถึงการทำ MV ส่งเพลงโปรโมทกันเอง แนวทางดนตรีของ I'm Jogging จะเป็นแนวโฟลคป๊อป ที่มีกลิ่นอายของความเป็นเซิร์ฟมิวสิค ที่มีเสียงกีต้าร์โปร่งนำ และจะมีภาคแบนด์ กีต้าร์ไฟฟ้า เบส กลอง เปียโน เป็นตัวสร้างสีสันในภาคของดนตรี โดยเป้าหมายแรกคือทำอัลบัมเต็ม 10 เพลง สมาชิกวง: ปณิธาน นระแสน (เอ็ม) ร้องนำ สุกิจติพล ใจบุญ (เต้) กีต้าร์โปร่ง อานนท์ พิบูลพงศ์พันธ์ (หยอง) กีต้าร์ไฟฟ้า จักษพัฒณ์ อันเพ็ชรดี (อาร์ต) เบส นเรศ บุญสาย (ยุ่น) กลอง อนวัช สกุลกิจคุณากร (เอก) คีบอร์ด ข้อมูลวง I’m Jogging จุดเริ่มต้นของวง I’m Jogging เริ่มจาก เต้(มือกีต้าร์โปร่ง+เขียนเพลง) กับ เอ็ม(นักร้อง) ที่ตกลงทำโปรเจ็ทร่วมกัน หลังจากที่เล่นโฟลคซองตามร้านด้วยกันสักระยะหนึ่ง ด้วยความที่ชอบแนวทางเพลงที่คล้ายๆกัน ชอบหยิบเพลงนอกกระแสมาเล่นตามร้าน บทเพลงที่ชาวบ้านไม่ค่อยเล่นกัน แล้วเราคิดว่ามันดี เราก็เลือกที่ชอบตรงๆกันมาบรรเลง แต่ก็เล่นได้แค่บางร้านที่ปล่อยให้เราเล่นเพงแบบอิสระ 100% ส่วนร้านอื่นๆเราก็จะผสมเพลงฮิตในยุคปัจจุบันเข้าไปด้วยเพื่อความอยู่รอดของพวกเราด้วยครับ จนมาถึงวันที่วันที่เราตัดสินใจทำงานเพลงร่วมกัน ซึ่งตัวผม(เต้) มีเพลงที่แต่งไว้อยู่แล้ว ก็คือซิงเกิ้ลแรก ชื่อเพลงว่า “ปล่อยใจ” แล้วคิดว่าเพลงนี้เหมาะสมกับเอ็ม จึงตัดสินใจชวนเอ็มมาทำเพลงด้วยกัน ชื่อวงว่า I’m Jogging โดยตั้งเป้าหมายว่า เราจะลงทุนทำกันเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่แต่ง เนื้อร้อง,ทำนอง,เรียบเรียง,MV รวมถึงการโปรโมทเพลงเอง ส่งเพลงไปตามคลื่นต่างๆ ตั้งเป้าไว้ว่าจะเราจะทำ 10 เพลง แล้วรวมเป็นอัลบัมขาย ซึ่งคือความฝันแรกของเราในการทำเพลง ในการบันทึกเสียงเราเลือกที่ Vintage Studio ในการทำงาน เนื่องจากอยู่ใกล้บ้านเรา(โซนๆ ศรีนครินทร์ บางนา อุดมสุข) และมีพี่ๆที่รู้จักแนะนำมา งานคุณภาพ ราคาไม่สูง จึงตัดสินใจมาที่นี่ และเราก็รู้สึกพอใจกับผลงานแรกที่ทำกับ Vintage Studio มากๆกับซาวด์ที่ออกมา เพราะมันเป็นเพลงแรกและเป็นอะไรที่ใหม่กับเราด้วย ต้องขอบคุณทีมงานวินเทจสตูดิโอที่มิกซ์และอิดิตเพลงได้ซาวด์ตรงกับที่เราต้องการ และช่วยแนะนำให้ความรู้และสิ่งต่างๆในการบันทึกเสียงอีกมากมาย เพลงที่ 2 ที่เราปล่อยออกมา เป็นเพลงพิเศษ ของอัลบัม ก็คือเพลง “โถ...ชีวิตนักดนตรี” ซึ่งได้ไอเดียมาจากเพจดังสำหรับนักดนตรีชื่อเพจก็ตามชื่อเพลงเลยครับ จริงๆจะต้องเป็นเพลง “สิ่งดีๆที่หายไป” ซึ่งเราตกลองทำงานร่วมกับ Vintage studio จึงต้องรอกระบวนการ บันทึกเสียงสดทั้งหมด จึงต้องใช้เวลาในการทำงาน ด้วยความที่เขียนเพลง “โถ...ชีวิตนักดนตรี” เสร็จแล้ว เราจึงตัดสินใจทำดนตรีและปล่อยเพลงนี้ออกมาก่อน ตอนแรกคิดว่าจะทำกันสนุกๆ ปล่อยออกมาเล่นๆ แต่ดันไปดังในเพจ เพราะตรงกับชีวิตนักดนตรี เพลงนี้เขียนเล่าเรื่องถึงชีวิตของนักดนตรี ตั้งแต่จุดเริ่มต้น ปัญหาและความรู้สึกต่างๆ ในมุมมองของคนที่เป็นนักดนตรีกลางคืน ที่ผู้คนต่างคิดว่า เป็นนักดนตรีสบาย เล่นร้านแค่ชั่วโมงกว่าๆ รับเงินกลับบ้าน แต่ความเป็นจริงกว่าจะมาถึงจุดนั้นได้ก็ต้อง ฝึกซ้อม โดนด่า เจอลูกค้าแปลกๆทุกวัน ซึ่งปัญหาที่คนอื่นไม่รู้ก็มีเยอะ จึงออกมาเป็นเพลงนี้ เป็นกลิ่นอาย Hiphop มีการแร๊พ ซึ่งแนวทางเพลงฉีกมาจากเพลงปล่อยใจ ที่เป็นอคูสติกมากๆ คนฟังก็จะงงๆหน่อย ว่าเรากำลังทำอะไรกัน เราก็ได้แต่บอกว่า มันเป็นเพลงพิเศษ ทำสนุกๆ มิกซ์มาสเตอร์เอง เสร็จแล้วปล่อยเลย ซึ่งเราจะนำมารีมาสเตอร์ใหม่ เป็นเพลงสุดท้ายของอัลบัม ให้เป็นซาวด์อัดกลองสดๆ เพื่อให้โทนใกล้เคียงกับเพลงทั้งหมดของอัลบัมด้วยครับ จนมาถึงเพลงที่ 3 "สิ่งดีๆที่หายไป” เราตัดสินใจมาทำงานร่วมกับ Vintage Studio ก็คือเป็นวินเทจโปรเจค ทำเพลงกับที่ห้องอัดเลย ไม่เสียค่าบันทึกเสียง ปล่อยเพลงในช่องของวินเทจ สตูดิโอ ซึ่งเพลง สิ่งดีๆที่หายไป จะมีความเป็นแบนด์มากขึ้น ผม(เต้)จึงชวน อาจารย์ยุ่น(มือกลอง) พี่อาต(มือเบส) ซึ่งเป็นเพื่อนๆพี่ๆ ที่เคยทำเพลงด้วยกันมาตั้งแต่สมัยทำเพลงประกวดเริ่มแรกมาช่วยอัด และได้พี่เอก(มือคีบอร์ด+เปียโน) นักดนตรีที่ร้านตามร้านเดียวกัน มาช่วยอัดเปียโน ซึ่งเพลงนี้เราได้อัดสดกันทุกชิ้น งานที่ออกมาเราชอบกันมากๆ จึงส่งเพลงมาที่ Cat Radio ช่วง Bedroom Studio และเราต้องขอบคุณ Cat มากๆที่ช่วยเปิดเพลงของเราด้วยครับ พอมาถึงเพลงที่ 4 “ถามทะเล” ด้วย demo ที่คิดไว้มันเป็นภาคของแบนด์ ผมกับเอ็ม จึงตัดสินใจชวน อาจานย์ยุ่น,พี่อาต,พี่เอก และพี่หยอง(กีต้าร์ไฟฟ้า) เข้ามาทำเพลงด้วยกันเลย โดยเปิดตัวสมาชิกวงทั้ง 6 คนด้วยเพลงนี้ ซึ่งระบบการทำงานก็คงเดิม แต่จำทำงานง่ายขึ้น ซึ่งเริ่มจากผม(เต้) แต่งเนื้อ+ทำนอง และคิดโครงเพลงคร่าวๆ แล้วมารวมตัวลองซ้อมกันที่ห้องอัดของพี่หยอง(Backup Studio) แล้วก็จะจบ Demo อัดไกด์ลายต่างๆจบกันที่นี่เลย จากนั้นเราก็ไปบันทึกเสียง มิกซ์ มาสเตอร์ ที่ Vintage Studio เช่นเคย จนมาเพลงที่ 5 “คำคน” เนื้อหาการเล่าเรื่องและดนตรีมีความหนักขึ้น ระบบทำเพลงก็เหมือนเดิม แต่เราเริ่มมีการทดลอง ลดต้นทุน เช่นบันทึกเสียงบางอย่างจบที่ห้องอัดพี่หยองเลย แล้วส่งมิกซ์มาสเตอร์วินเทจ เพราะเราลงทุนทำกันเอง จึงต้องหาวิธีเซบคอส แต่ซาวด์ที่ออกมาก็โอเคสำหรับเราเลยครับ พอเพลงเสร็จก็ส่งไปทาง Cat Radio และเราก็ได้ฟังเพลงของเราที่ Cat ทั้ง 3 เพลงเลย ซึ่งเป็นอะไรที่ชื่นใจมากๆครับ เพลงที่ 6 “เด็กน้อยนักเดินทาง” เพลงนี้เป็นเพลงที่เราคุยกันว่าจะทดลองจบงานด้วยตนเองทั้งหมด ด้วยความที่มันเป็นเพลงโฟลค จึงบันทึกเสียงทุกอย่างที่ Backup Studio ทั้งหมด และให้พี่เอกมือคีบอร์ดของเราเป็นคนมิกซ์และทำมาสเตอริ่ง โดยที่เพลงนี้เราไม่เสียเงินสักบาทในการบันทึกเสียง MV เราก็ทำเองแบบเรียบง่ายเช่นเคย เพลงที่ 7 “เผชิญ” เพลงนี้ตั้งใจสร้างกรู๊ฟดนตรีให้มีความกระชับและสนุกกับภาคดนตรีมากขึ้น เป็นเพลงจังหวะกลางๆที่โยกตามได้ มีการทำท่อนยูนิสัน มีการใส่รายละเอียดเรื่องสัดส่วนกันมากขึ้น เนื้อหาเราก็เขียนถึงเรื่องชีวิตที่มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป เพลงที่ 8 “เราต่างเสียใจ” เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาที่ป๊อปที่สุดของอัลบัม เนื้อหาเขียนถึงเรื่องความรักที่ไม่สุขสมหวังของคนสองคน เมื่อถึงทางตันก็ต้องจากกันด้วย เพลงที่ 9 “บูเดอช่า” เพลงนี้เขียนได้ที่ บูเดอช่า คือ โฮมสเตสุดชิล ของพี่โอม ต.แม่แด อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เขียนได้ก็ตอนที่ไปเที่ยวแล้วนั่งเล่นดนตรีกันรอบกองไฟ ก็เลยคิดจะเขียนเพลงเกี่ยวกับที่นี่ ก็เลยออกมาเป็นชื่อเพลง “บูเดอช่า” เลย แน่นอน ชื่อเพลงแบบนี้ คนก็จะตั้งคำถามว่า บูเดอช่า คืออะไร คำตอบจะอยู่ที่เนื้อเพลงและ MV ของเราครับ เพลงที่ 10 “ฉันหลงรักความโดดเดี่ยว” เพลงนี้เขียนมาจากความรู้สึกของคนที่เพิ่งผิดหวังมาจากความรัก แล้วได้สัมผัสชีวิตตัวคนเดียว และเริ่มทำความเข้าใจกับการใช้ชีวิตตัวคนเดียวอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องรวย ไม่ต้องยิ่งใหญ่ ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาให้มีความสุข